WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gสมคด จาตศรพทกษสมคิด`สั่งรมว.คลัง หารือธ.ก.ส.-ออมสิน จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ-ปัจจัยการผลิต เพิ่มทางเลือกเกษตรกรปลูกพืชช่วงภัยแล้ง

    'สมคิด'สั่งรมว.คลัง หารือธ.ก.ส.-ออมสิน จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ-ปัจจัยการผลิต เพิ่มทางเลือกเกษตรกรปลูกพืชช่วงภัยแล้ง พร้อมเผยปีนี้จะเป็นปีแห่งการปฏิรูปเกษตร ด้านธ.ก.ส.เสนอสร้าง 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอี ขณะที่ออมสินเร่งสร้างผู้ประกอบการใหม่เข้าระบบ ‘สมคิด’ มั่นใจกองทุนสตาร์ทอัพเกิดขึ้นปีนี้แน่นอน เชื่อช่วยสร้างผู้ประกอบการใหม่มากขึ้น

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้กับธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ว่า สำหรับนโยบายที่ได้มีการพูดคุยกัน ประกอบด้วย การช่วยเหลือและการพัฒนาการเกษตร โดยในไตรมาสแรกนี้กองทุนหมู่บ้านจะเริ่มโครงการในระดับชนบท โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชนบท เช่น การสร้างแหล่งน้ำ ยุ้งฉาง โรงแปรรูปหมู่บ้าน ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการเตรียมการ

   "เราพูดคุยกับ ธ.ก.ส. ออมสิน และผู้บริหารกองทุนหมู่บ้าน ภาคเอกชน ให้มาช่วยฟัง ว่าอนาคตจะช่วยอะไรได้บ้าง  ประเด็นเรื่องการพัฒนาเรื่องเกษตร พวกเราทราบดีว่า นายกอยากให้ความสำคัญสูงสุดกับการปฏิรูปการเกษตรนอกเหนือจากการบรรเทาความเดือดร้อน"นายสมคิด กล่าว

    นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน คือ การสร้างความแข็งแรงให้ภาคเกษตร และปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต ซึ่งที่ผ่านมาการช่วยเหลือเอสเอ็มอีส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคอุตสาหกรรม การบริการ แต่ในปีนี้ รัฐบาลอยากจะพุ่งเป้าหมายกับการสร้างเอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการเกษตรกร เพราะในปัจจุบันบรรรดาเกษตรกรที่มีความพร้อมและแข็งแรง จะมีการผลักดันให้เป็นผู้ประกอบการรายย่อย โดยจะต้องมาวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ไปพัฒนา มูลค่า และเพิ่มความหลากหลายการเพาะปลูก หรือสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น เป้าหมายนี้เป็นการเห็นชอบร่วมกันทั้งกองทุนหมู่บ้าน ออมสิน และธ.ก.ส. ซึ่ง หากทำได้ ผู้ประกอบการใหม่ที่มาจากภาคเกษตรโดยตรงจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงภาคเกษตร

  "เราจะสร้างมูลค่าได้อย่างไร จะค้าขายให้ทันกับโลกได้อย่างไร เมื่อประชุมแล้วไม่ใช่แค่เกษตรกร นักศึกษา หรือคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการ หากจะร่วมในการสร้างธุรกิจในชนบท เราก็อยากจะให้ส่งเสริม ได้ขอให้ออมสินเข้าไปในสถาบันการศึกษา ว่า เด็กที่มีความคิดอ่านจะช่วยได้อย่างไรให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ๆ"นายสมคิด กล่าว

    ทั้งนี้ ในที่ประชุม ธ.ก.ส. ได้เสนอว่า มีความต้องการที่จะทำปีนี้ คือ 1 ตำบล 1 เอ็มอีเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับฐานราก นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับธ.ก.ส.ว่า บริเวณที่มีภัยแล้ง จะมีการจัดหาปัจจัยการผลิต หาสินค้าที่มีตลาดแน่นอน เพื่อนำไปสู่การจัดหางบประมาณ หรือจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมาก เพื่อไปปลูกพืชทดแทนในช่วงนี้ และให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาตลาด เพื่อให้มีรายได้ไปเสริม และหากเป็นไปได้อาจจัดเป็นงบประมาณเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิต ทั้งโดยได้มอบหมายให้ทั้ง 2 ธนาคาร ร่วมหารือกับรมว.คลังว่าจะไปดูว่าจะดำเนินการได้อย่างไร

  ขณะเดียวกัน ในด้านของผู้ซื้อ ทางหอการค้าเสนอว่าจะไปเจรจากับบรรดาห้างโมเดิร์นเทรดที่เป็นจุดเปิดการขายสินค้าเกษตร เพื่อให้ภาคเอกชนมาร่วมสร้างความอุ่นใจกับเกษตรกรว่าจะรับซื้อสินค้าของเขาในช่วงที่ลำบาก และเผชิญกับปัญหาภัยแล้งได้อย่างไรบ้าง ซึ่งหอการค้าจะเป็นโต้โผใหญ่ในการดำเนินการ ขณะที่ในส่วนของธ.ก.ส. และ ออมสินจะเป็นด้านผู้ผลิต และหอการค้าจะเป็นด้านการบริโภค

   "เราพยายามช่วยเหลือเกษตร และอีกเรื่องคือกองทุนหมู่บ้านที่จะลงไป ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินการต่างๆจะไม่เกินพันธกิจของการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแน่นอน"นายสมคิด กล่าว

  ด้านธนาคารออมสิน เสนอสร้างสตาร์อัพ หรือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นการสร้างเมล็ดพันธุ์ใหม่จริงๆ ทั้งเรื่องเกษตร สปา แอพต่างๆ เป็นต้น ซึ่งหากดำเนินการได้จะเป็นการสร้างนักรบใหม่

  "ปีนี้อยากให้เป็นปีปฏิรูปเกษตร สร้างอนาคต และสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ให้มีความตื่นตัว รวมทั้งจะมีการตั้งกองทุนสตาร์อัพที่จะเห็นในปีนี้แน่นอน เพื่อเสริมสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ให้เข้ามาสู่ในระบบเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการร่วมมือกับหลายหน่วยงาน"นายสมคิด กล่าว

    ส่วนกรณีที่ธนาคารโลกได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกเหลือ 2.9% นั้น เนื่องจากมองว่าแนวโน้มของโลกไม่ดี ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็ส่ออาการ แต่อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าจีนจะสามารถดูแลได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และเมื่อบรรยากาศโลกเป็นแบบนี้ เราจะพึ่งพาการส่งออกไม่ได้ จะต้องสร้างเศรษฐกิจภายในให้แข็งแกร่ง

   สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

'สมคิด'ย้ำเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง จีนปรับค่ากลางหยวนรอบ 9 วัน'อภิศักดิ์'เตรียมพร้อมรับมือ

      นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนั้น เชื่อว่าจะไม่เกิดสงครามค่าเงินแน่ แต่ได้ฝากเรื่องนี้ให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งผู้ว่าการ ธปท.ได้ดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ต้องกังวล อีกทั้งพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่ง

      เรื่องของจีน อาจจะก่อให้เกิดความผันผวนทางการเงินบ้างในตลาดโลกประมาณ 2-3 วัน แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่ง จึงไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งรัฐบาลเตรียมรับมือไว้เรียบร้อย โดย 3-4 วันก่อน รมว.คลัง ได้ติดตามมาและดูแลร่วมกับ ธปท. ผมคิดว่าเมืองไทยจะไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ส่วนค่าเงิน ผู้ว่าการ ธปท.ดูแลอยู่แล้ว รู้ว่าระดับไหนเหมาะกับเศรษฐกิจไทย และระดับไหนที่จะทำให้ประเทศไทยไปได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวล

     นายอภิศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า เรื่องของจีนกระทบการส่งออกค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่จะทำได้ตอนนี้คือ ต้องดูแลเศรษฐกิจภายในประเทศ การลงทุนภาครัฐ การใช้จ่ายประชาชน ซึ่งจะช่วยประคองเศรษฐกิจของไทยไปได้ ส่วนผลกระทบตลาดเงิน ตลาดทุนนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่เวลาประเทศใหญ่เกิดปัญหาก็จะกระทบต่อประเทศเล็ก ซึ่งไม่ใช่ไทยประเทศเดียว ขณะนี้เตรียมรับมือไว้หมดแล้ว คือการดูแลเศรษฐกิจภายในประเทศให้แข็งแกร่ง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ต้องดูหลายส่วนประกอบทั้งจีน ตะวันออกกลาง สหรัฐฯ ที่จะขึ้นดอกเบี้ย โดยปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามช่วยให้ประชาชนที่ลำบากและมีรายได้น้อยสามารถอยู่ได้

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ปรับค่ากลางเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 9 วัน หลังจากปรับลดค่าเงินหยวนลง 8 วันติดต่อกัน โดยค่ากลางเงินหยวนอยู่ที่ 6.56 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินหยวนในประเทศไทยซื้อที่ 4.96 หยวนต่อบาท และขาย 5.62 หยวนต่อบาท.

                        ที่มา : www.thairath.co.th

`สมคิด`ติดเครื่องยนต์ศก.ปั๊มจีดีพี 3.5%

   'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์'ประกาศเดินเครื่องยนต์เศรษฐกิจ ทั้งส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว ตั้งเป้าดันจีดีพีปี 59 โต 3.5% มั่นใจ ศก.ผ่านจุดชะลอตัวแล้ว สั่งพาณิชย์เร่งผลักดันส่งออกโต 5% พร้อมเน้นการเติบโตจากภายใน-กระตุ้นเกษตรกร ฟื้นกำลังซื้อหลักของประเทศ เผยเตรียมแบ่งเงินประมูล 4G วางระบบอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ 10,000 จุดทั่วประเทศ ปูทางอีคอมเมิร์ซ ด้าน ส.อ.ท. คาดจีดีพีปีนี้โต 3-3.5% ส่งออกโตมากกว่า 2%

*** ทุกเครื่องยนต์เดินหน้าเต็มที่ ดันจีดีพีปี 59 โต 3.5%

       นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2559จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ในการสัมมนาใหญ่ "เศรษฐกิจไทยปี 59 มองไปข้างหน้า โอกาสและความท้าทาย" ว่า ในปี2558 ที่ผ่านมาประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้ถึง 3% จากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยยืนยันว่า ปีที่ผ่านมาไทยได้หยุดยั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจแล้ว ขณะที่ในปี 59 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ได้ประเมินว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ 3.5% และมั่นใจว่าจะพยายามเดินหน้าผ่านการขับเคลื่อนทั้งภาคการท่องเที่ยว การลงทุน และการส่งออก เพื่อให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

     "สิ่งที่ ธปท. บอกว่าจีดีพีปี 59 จะโตได้ถึง 3.5% เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้เราเร่งเดินหน้า ที่ผ่านมาเรามั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 จะดีกว่าไตรมาส 3 อย่างแน่นอน และจะต้องรักษาโมเมนตัมในการเติบโตในระดับที่พอเหมาะพอควร ปีนี้เครื่องยนต์ทุกเครื่องจะเดินหน้าเต็มที่ไม่มีไขลาน เช่น การส่งออก จะมาบอกว่าเขานั่งอยู่ข้างหลังได้อย่างไรเมื่อไทยพึ่งพาการส่งออกที่ 70% ของจีดีพี ผมสั่งกระทรวงพาณิชย์ไว้ว่า จะต้องเดินหน้าการส่งออกเต็มกำลังโดยตั้งปีนี้ว่าการส่งออกจะต้องโต 5% ซึ่งผมจะไปปพูดคุยกับทูตพาณิชย์ด้วยว่าจะเดินหน้าอย่างไร ด้านตัวอื่นๆ เรื่องของท่องเที่ยว เป็นพระเอกในปีที่ผ่านมายังมีช่องทางอีกเยอะที่ท่องเที่ยวจะช่วยผลักดันการหมุนเวียนเศรษฐกิจ"นายสมคิด กล่าว

*** เพิ่มงบโปรโมทท่องเที่ยวไทย

     ในส่วนของการท่องเที่ยวนั้น ไทยมีจังหวัดท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่เราขาดการลงทุน เราเล่นระยะสั้น โปรโมตคนท่องเที่ยว แต่มันถึงเวลาว่าจะทำอย่างไรให้มันดี จึงได้สั่งนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้เติมงบท่องเที่ยว โปรโมทการท่องเที่ยวยามเย็นยามค่ำคืน ข้อมูลข่าวสารสร้างมันขึ้นมา ไม่ใช่แค่พาคนมาช้อปปิ้งก็จบ เพราะยังมีหนทาง ในการดึงการใช้จ่ายที่มากกว่านั้น

*** เร่งยกเครื่อง ศก. เน้นการเติบโตจากภายใน ช่วยเหลือเกษตรกร

      นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะต้องยกเครื่องประเทศไทย เศรษฐกิจไทยไม่ดีคนอื่นมองเป็นวิกฤติ ซึ่งเราจะต้องเร่งสร้างโอกาส โดยปีนี้จะมีความเข้มข้นในการทำงาน โดยการเน้นการเติบโตจากภายใน แต่ จะต้องไม่ใช่การเอาง่ายเข้าว่า และยืนยันว่าไม่ใช่แค่การแจกเงินแน่นอ

  " ผมเรียนอย่างตรงไปตรงมารัฐบาลนี้ จริงๆ มีทางเลือก ทางที่ง่ายกับทางที่ยาก ทางที่ง่าย จะให้คนชม คนชอบ ฉีดเงินเข้าระบบอย่างเดียว ทำไมจะทำไม่ได้ หนี้ต่อจีดีพีแค่ 43% ทั้งๆที่ต้องไม่เกิน 60% ทำได้อีก แต่เมื่อฉีดแล้วก็หมด ภาระอยู่ที่รัฐบาล แต่เมื่ออัดเข้าไป จีดีพีก็อยู่แค่ 3.5% เพราะเหมือนเราเอาอนาคตมาใช้ปัจจุบัน รัฐบาลนี้ต้องการให้มีโมเมนตัมการเติบโตพอสมควร และไปช่วยอุดรูที่ได้รับผลกระทบมาก และหากต้องใช้อัดฉีดเงิน ก็ต้องเน้นการพัฒนา การสร้างการเติบโตจากภายใน โดยเฉพาะหลายตัวแปรที่ไม่เคยทำมาก่อน การอัดเงินต้องสอดรับการปฏิรูป และเสริมสร้างความเข้มแข็งระยะยาว คือสิ่งที่ต้องการทำ"นายสมคิด กล่าว

     สำหรับ สิ่งที่สำคัญที่จะต้องเร่งแก้ คือ จะช่วยคนจน ช่วยเกษตรกรได้อย่างไร โดยเรารู้แน่นอนว่าเกษตรกรจะดีได้นั้น จะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ยกตัวอย่างเรื่องข้าว ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียวไม่ใช่ตัวปัญหา ตัวปัญหาคือนาปรัง ข้าวขาว ในเวลานี้เกิดปัญหามีน้ำน้อยมันมีทางเดียวคือ จะทำอย่างไร ให้เกษตรกรพร้อมใจและยินยอมที่จะปรับการเพาะปลูกให้มีความหลากหลาย สินค้าที่น่าจะผลิตได้มากขึ้น การสร้างความหลากหลายในการผลิตของเกษตรกรมีความจำเป็น

       สำหรับ สถานการณ์ในปัจจุบัน หากเกษตรกรจะผลิตข้าว ที่ราคาตกทุกวัน และรัฐบาลก็ไม่ประกันราคา เกษตรกรก็จะจนลงทุกวัน ก็กระทบเศรษฐกิจทั้งหมด จะให้ชาวนาปรับวิธีการได้อย่างไร เบื้องต้นตนตั้งใจว่า จะใช้หัวหอกสำคัญ คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. และธนาคารออมสิน มาร่วมดำเนินการ โดยใช้วิธีขับเคลื่อนในแนวนอน แนวดิ่งกระทรวงทำอยู่แล้ว

*** กระตุ้น ศก.ฐานราก เหตุเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ

      อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาลจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบว่า เศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าได้ไม่เต็มที่ เพราะฐานรากยังไม่ดีเท่าที่ควร เราต้องยอมรับข้อนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา ไทยประสบปัญหาเรื่องของราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องของชีวิตเกษตรกรซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่เพราะคน 30 ล้านคนในไทย อยู่ในภาคเกษตร ดังนั้น เมื่อคนส่วนใหญ่จน ทำให้อำนาจซื้อมีน้อย และกระทบต่อเนื่องไปถึงเอสเอ็มอี เนื่องจากระบบเศรษฐกิจเชื่อมโยงกันหมด ดังนั้นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือ จะทำอย่างไรที่จะช่วยคนจนให้ได้

            " ภายใต้ภาวะเช่นนี้ คนบางกลุ่มอาจมองว่า ไม่สดใส แต่ผมมองว่า มันเป็นความท้าทาย เราเคยผ่านมาแล้วหลายยุคหลายสมัย มีการทำนายเศรษฐกิจที่เลวร้าย แต่เราก็ผ่านมา ยกตัวอย่างง่ายๆ ปีที่ผ่านมา ก็มีการทำนายเศรษฐกิจ เดิมที่เดียว ผมชอบการทำนายของ ธปท.เวลาโฟกัสเศรษฐกิจอย่างปีที่ผ่านมา เดิมบอก 2.7% ผมชอบ เพราะจะได้เป็นตัวให้เรามีแรงกระตุ้น ให้เราไปกระตุ้นคนอื่นให้วิ่งให้เต็มที่ และปรับเป็น 2.8% ของทั้งปี น่าลุ้นมาก อาจเป็น2.9-3% ได้ ส่วนสภาพัฒน์ผมไม่ชอบที่เขาทำนาย เพราะเขาทำนายกว้าง ปีที่ผ่านมาบอก 3-4% ว่าแบบนี้ ห่างกันตั้ง 1% ไม่ได้ ภาคธุรกิจว่างแผนธุรกิจลำบาก " นายสมคิด กล่าว

*** ชูแนวทางปลูกพืชชนิดอื่นแทนข้าว

       นายสมคิด กล่าวว่า ในวันศุกร์นี้ตนจะหารือกับ ธกส. และออมสิน รวมทั้ง ร่วมกับกองทุนหมู่บ้าน สภาเกษตรกรทั้งประเทศ ร่วมกับเอกชนและทุกฝ่ายผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ว่าจะทำอย่างไรให้ชาวนาเลือกทดลองการปลูกชนิดอื่น ในแปลงนาสามารถยกคันร่องขึ้นมาได้ การเพาะปลูกที่หลากหลายเป็นอย่างไร มีการยกตัวอย่าง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมถ้าทำทั้งแนวนอนและแนวดิ่ง ถ้าเริ่มต้นวันหนึ่งจะได้ออกผลขึ้น

*** สั่งออมสิน-ธกส. หนุนการลงทุนในท้องถิ่น

            นอกจากนี้ สิ่งที่อยากทำ คือ ไปเพิ่มมูลค่า สินค้าที่มีอยู่ จะทำอย่างไรให้เกิดการแปรรูปสินค้าในท้องถิ่น ที่ผ่านมาเมื่อมีการลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ แต่วันนี้มันถึงเวลาแล้ว ต้องมีการลงทุนในท้องถิ่น โดยให้โจทย์ออมสินไปแล้ว รวมทั้งเชื่อว่าหลังจากนี้ทั้ง ธกส. และออมสินจะเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนได้มาก

            " ทั้ง 2 แบงก์ ธกส. และออมสินจะช่วยผมได้มาก และถือเป็นหน้าที่โดยตรงแต่ ถ้าทำไม่ได้ยุบทิ้งไปเลย ส่วนกรุงไทยก็ต้องเข้ามาช่วยไม่เช่นนั้นจะะเข้าไปรื้อเลยเราเป็นหุ้นใหญ่แท้ๆ กรรมการบอกยินดีช่วยเต็มที่ภาคเอกชนจะสามารถเข้ามาช่วยได้สภาเกษตรกรเข้ามาช่วยได้ บางครั้งต้องใช้เกษตรกรช่วยเกษตรกรเพื่อสร้างความมั่นใจว่าของจริง ในภาคอุตสาหกรรมควรมีการสร้างเอสเอ็มอี แต่ในภาคเกษรกรต้องสร้างเอสเอ็มอีเกษตรกร ของไทยมีเกษตรกรที่ยากจน แต่มันก็มีเถ้าแก่น้อยเกษตรกรเช่นกัน"นายสมคิด กล่าว

*** กระตุ้นหมู่บ้านตั้งกองทุนเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชนบท

      นอกจากนี้ ที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ อยากให้มีการลงทุนโดยกองทุนหมู่บ้าน หรือ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชนบท ที่ผ่านมาเราชินกับโครงสร้างพื้นฐานประเภทรถไฟ รถไฟฟ้า แต่โครงสร้างพื้นฐานในชนบท คือ ฝาย แหล่งน้ำ ยุ้งฉาง โรงแปรรูปขนาดเล็ก มีน้อยมาก ข้าวราคาตกเพราะมันชื้นมีการฝากไว้กับโรงสี ตอนนี้ได้ให้โจทย์ไปกับกองทุนหมู่บ้านให้ไปคิดค้นโครงการ และให้ผู้นำเริ่มส่งการบ้านมาในวันที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสในการสร้างข้างล่างให้แข็งแรง

*** เร่งสร้างอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ 10,000 จุดทั่วประเทศ

      ด้านไอที ได้มีการพูดคุยกับรมว.ไอซีที โดยระบุว่า ในช่วงเวลาที่เหลือปีครึ่ง จะเร่งสร้างอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ 10,000 จุดทั่วประเทศ ซึ่ง ถือเป็นสิ่งสำคัญ หากทำได้จะเป็นการเชืมโยงไปสู่ระบบอีคอมเมิร์ซ ขายได้ทั้งโลก โดยเฉพาะหากสร้างตลาดในชุมชนได้ก็จะมีช่องทางในการค้าขายเพิ่ม การศึกษาจะถึงได้ต้องมีอินเตอร์เนต ทำให้เสร็จในปีครึ่งลงไปเลย ขอมาให้ได้แค่ไหนแค่นั้น ที่ผ่านมามีเงินจากการประมูลในส่วนของ 4G หาเงินมาได้เกือบ 200,000 ล้านบาท ก็เอาเงินมาใช้ได้ในจุดดังกล่าวในอนาคต จะได้มีดิจิตอลชุมชน

            " หลังจากนี้เราจะต้องสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่การล้มการเลิกไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย จะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการเติบโต ผมคุยกับกระทรวงการคลังในช่วงที่ผ่านมา หากมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้น เรายินดีที่จะให้ค่าอินเซนทีฟ ถ้าเขายินดี มันคือสิ่งจูงใจที่เราจะให้เขา ด้าน เอสเอ็มอีแบงก์กำลังเปลี่ยนแปลงขนาดไหญ่ ไปช่วยสร้างเงินทุนบุคลากรต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง"นายสมคิด กล่าว

*** แนะคลังแก้ กม. เอื้อเวนเจอร์ แคปปิตอล

       นายสมคิด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับ รมว.คลัง ในการเร่งสร้างผู้ประกอบการเริ่มต้น สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีการตั้งกองทุนร่วมลงทุน แต่การดำเนินการยังช้ามาก ดังนั้นกระทรวงการคลังจะต้องเร่งเดินเครื่องเพื่อให้เกิดความมั่นใจ กระทรวงการคลังอาจแก้กฎหมายบางอย่าง เพื่อให้การลงทุนมีการนำเงินกลับระหว่างกันมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น และได้มีการพูดคุยกับผู้ว่า ธปท. ต้องการให้ช่วยตรงนี้ในการสร้างกระดูกสันหลังใหม่ของประเทศ ธนาคารพาณิชย์หากจะมาทำแบบนี้ ธปท.จะต้องเกื้อหนุน สร้างสิ่งเหล่านี้ในอนาคต

*** เดินหน้าปรับโครงสร้างภาษี-ลงทุนเมกะโปรเจ็กต์

            ส่วนการเดินหน้าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมั่นใจว่าปีนี้จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างรถไฟไทยจีนนั้นที่มีการร่วมลงทุน มีการปรับในส่วนของการลงทุนนบางส่วน ซึ่งจะเกิดแน่นอน หากเราลงทุน 40% และที่เหลือมีเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ พีพีพีจะช่วยแบ่งเบาภาระได้ ได้มีเงินไปทำเส้นอื่นได้คือสิ่งที่อยู่ขั้นตอนเจรจา เขาขอให้เกิดการเริ่มต้นเร็ว ซึ่งยืนยันว่าโครงการที่เข้าพีพีพี ต้องเป็นไปตามที่วางแผนอย่างแน่นอน จะเริ่มขับเคลื่อนแน่นอนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ นอกจากนี้สิ่งที่จะต้องทำ คือ ภาษีมรดกเกิดแน่นอน แต่ว่าต้องไม่ใช่รังแกประชาชน การปรับโครงสร้างภาษีเกิดแน่นอน แต่การปรับโครงสร้างภาษีต้องดูแลคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งกระทรวงการคลังรับผิดชอบอยู่แล้ว มีทีมทำแล้วให้กระทรวงการคลังดูต่อ รวมถึงบ้านเพื่อคนมีรายได้น้อยจะเกิดขึ้นในปีนี้เช่นเดียวกัน

*** ไม่กังวลหนี้สาธารณะ รัฐบาลเอาอยู่

    นายสมคิด ยังกล่าวว่า ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องหนี้สาธารณะ เพราะรัฐบาลจะขับเคลื่อนผ่านนโยบายการคลังโดยต้องเดินหน้าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเก็บรายได้จากทรัพย์สินมาพัฒนาประเทศ การปรับโครงสร้างภาษีเพื่อให้จัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผลักดัน Holding Company ในการถือหุ้นรัฐวิสหากิจให้เกิดขึ้น และมั่นใจว่าจะเข้าสู่งบสมดุลได้ภายใน 7 ปี?? "ในบางครั้งที่เรามองว่าเป็นวิกฤติ ถือเป็นโอกาสสำคัญ ปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องน่าห่วง ที่น่าห่วง คือ คนในประเทศ การทำนายมีข้อจำกัดเรื่องระบบ เรื่องงบ เรื่องคน ในช่วงเวลา แบบนี้ การเมืองไม่ค่อยดี เศรษฐกิจข้างนอกก็แย่ พอเป็นเอกภาพ ความร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่คนละฝาก นู้นก็ไม่ดีทำนี่ก็ไม่ดี ยกตัวอย่างประชารัฐ ที่เจตนาต้องการให้รัฐบาล -เอกชน- ประชาชน ช่วยกันกอบกู้เมืองไทย "นายสมคิด กล่าว

            ส่วนด้านเศรษฐกิจโลกนั้น ล่าสุด จากคำสัมภาษณ์ ของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอเอ็มเอฟบอกว่า เศรษฐกิจปีนี้ ใช้คำพูดว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้น่าผิดหวัง และเป็นหย่อมๆ หมายความว่า แต่เดิมที่คิดว่าน่าจะดีขึ้นจากปีที่แล้ว ปีนี้อาจจะไม่ดีเท่าที่เคยคาด และก็ถ้าจะดีก็ดีเป็นหย่อมๆ ลักษณะเป็นเช่นนั้น

            เหตุผลสำคัญ ข้อแรกคือ กรณีที่เฟดของสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เขาค่อนข้างกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบไปถึงประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา เงินทุนที่เค้าอัดฉีดเข้าไปในระบบ เป็นเวลา 7 ปีเต็ม เพื่อผ่อนคลายทางการเงิน เป็นมูลค่ามหาศาล ซึ่งไม่ได้อยู่ในสหรัฐ มันอยู่ทุกแห่งของโลก พอขึ้นดอกเบี้ยเป็นที่กังวลว่า เมื่อเงินไหลกลับจะกระทบอย่างไรบ้าง

            บางประเทศอาจมีเงินไหลออกมาก บางประเทศไหลออกน้อย และเมื่อเงินไหลกลับ สหรัฐที่ประเทศเพิ่งฟื้นจะรองรับเงินไหลกลับได้ไหม เศรษฐกิจแข็งแรงดีพอหรือยังที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ในยามที่อียูยังไม่แข็งแรง จีน ก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นการประเมินของไอเอ็มเอฟ เศรษฐกิจโลก เหลือประเทศหลักคือสหรัฐที่แข็งแรงพอ แต่หากจีน และตลาดเกิดใหม่อ่อนแอลง การไหลเวียนทางเศรษฐกิจของโลกปีนี้ก็จะขาดพลัง

*** ส.อ.ท. คาดจีดีพีปี 59 โต 3-3.5% ส่งออกโตมากกว่า 2%

     นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้จะเติบโตประมาณ 3-3.5% ส่วนการส่งออกจะเติบโตได้มากกว่า 2% แม้ว่าปีนี้การส่งออกจะติดลบมากกว่า 5% ก็ตาม โดยปัจจัยที่ยังกดดันการส่งออกในปีนี้ คือ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำอย่างต่อเนื่องจากปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะข้าวและยางพารา

    สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ เดือน พ.ย.2558 ฟื้นตัวในรอบ 11 เดือน โดยขยายตัว 2% ซึ่งมาจากการขยายตัวในประเทศ และเชื่อมั่นว่าตัวเลขในเดือน ธ.ค.จะเป็นบวกด้วยเช่นเดียวกัน

    "สิ่งที่จะทำต่อจากนี้ คือการทำสตาร์ทอัพ สร้างกลุ่มผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และการเพิ่มผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม โดยเฉพาะการสร้างชื่อเมดอินไทยแลนด์ให้กลับมาอีกครั้ง โดยต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เรายังไม่ได้ทำอย่างจริงจัง เมื่อตอนนี้อาเซียนเปิดขึ้นแล้วเรามีความจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นศูนย์กลางในการผลิตสินค้าและส่งออกอย่างต่อเนื่อง" นายสุพันธ์ กล่าว

เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม  สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย    

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!